พัดลมอุตสาหกรรม มีให้ เลือก มากมาย หลายชนิด เพราะ แต่ละอุตสาหกรรม มีความต้องการ เฉพาะด้านแตกต่างกัน
โดย สรุป ชนิด ของ พัดลมอุตสาหกรรม ดังนี้ คือ
พัดลมอุตสาหกรรม Forward curve เหมาะสำหรับงานที่ต้องการค่าความกดดันของอากาศหรือแก๊ส มีค่าต่ำจนถึงปานกลาง สามารถใช้กับงานที่มีลักษณะการก่อสร้างที่ไม่มั่นคงแข็งแรงเท่าใดนัก เนื่องจากพัดลมชนิดนี้จะไม่ก่อให้เกิดการสั่นสะเทือนในขณะใช้งาน ถ่ายทอดกำลังงานด้วยล้อและสายพาน ซึ่งจะต้องทำการปรับแต่งให้ได้ความเร็วรอบที่ถูกต้อง ในขณะทำงานจะมีเสียงเบากว่าพัดลมชนิดต่างๆ และราคาประหยัด
พัดลมอุตสาหกรรม Airfoil เหมาะสำหรับปริมาณลมมาก และความดันลม 4 นิ้วน้ำขึ้นไป มีประสิทธิภาพสูงมาก แต่ราคาแพงและมีเสียงดัง
พัดลมอุตสาหกรรม Backward curve เหมาะสำหรับงานที่ต้องการค่าความกดดันของอากาศหรือแก๊สมีค่าสูง ใช้กับงานที่มีลักษณะการก่อสร้าง ที่ มั่นคง แข็งแรง เนื่องจาก พัดลมชนิดนี้ ขณะใช้งาน จะ เกิดการสั่นสะเทือน ภายใน ระบบ นิยม ถ่ายทอด กำลังงานด้วย ล้อ และ สายพาน ซึ่งจะต้องทำการปรับแต่งให้ได้ ความเร็ว รอบที่ถูกต้อง และ มีราคาสูง กว่าพัดลม ชนิดต่างๆ
พัดลมอุตสาหกรรม Axial flow เป็น พัดลม ที่มีราคาถูก และ มีขนาด กะทัดรัด แต่จะต้อง ตรวจสอบ ระดับเสียงให้ดีเพราะในขณะทำงานจะก่อให้เกิดเสียงดังมากกว่าพัดลมชนิดต่างๆ การถ่ายทอดกำลังงานส่วนมากจะไม่ใช้ล้อและสายพาน จึงไม่จำเป็นต้องมีการปรับแต่งใดๆ
การ ติดตั้ง พัดลม จะต้อง พิจารณา ลักษณะ การ ติดตั้ง ด้วย รวมทั้งจะ ต้อง ทราบ ขนาด ของ มิติพัดลม เพื่อที่จะได้เตรียมพื้นที่ติดตั้งเพียงพอ รวมทั้ง ให้สามารถ ซ่อม เปลี่ยน มอเตอร์ และ สายพาน ได้โดย สะดวก โดยเฉพาะ พัดลม ในระบบอุตสาหกรรม โรงงานด้วย แล้ว ต้องมี การคำนึง ถึง ทิศทาง และ พื้นที่ การทำงาน ให้เหมาะสม และ เพียงพอ มิฉะนั้นจะทำให้ คุณภาพ ของ พัดลม ที่ติดตั้ง ไปเสื่อม คุณภาพเร็ว ไม่คุ้มค่า ต่อ การ ใช้งาน อาจจะมีการติดตั้ง อุปกรณ์ เสริม ร่วมด้วย ในกรณี ต้องการ ส่งกำลังลม ออกไป เช่น ท่อส่งลม เพื่อ ดูดอากาศ ออกมาจากใต้ดิน หรือ ส่งอากาศ เข้าไปภายใน ระบบที่ทำงาน overload อาจจะส่งผลเสียต่อเครื่องจักรในโรงงานได้ โดยทั่วไปหากติดตั้ง พัดลม อย่างถูกต้องแล้วพัดลม ก็นับได้ว่าเป็น อุปกรณ์ที่ต้องการดูแล น้อยที่สุด ชนิดหนึ่ง